วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บทที่ 6 ทรัพย์สินทางปัญญา

ทรัพย์สินทางปัญญา

ทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property)  ทรัพย์สินทางปัญญา หมายถึง ผลงานอันเกิดจากการประดิษฐ์ คิดค้น หรือสร้างสรรค์ของมนุษย์ ซึ่งเน้นที่ผลผลิตของสติปัญญาและความชานาญ โดยไม่คานึงถึงชนิดของการสร้างสรรค์หรือวิธีในการแสดงออก ทรัพย์สินทางปัญญาอาจจะแสดงออกในรูปแบบของสิ่งที่จับต้องได้ เช่น สินค้าต่าง ๆ หรือในรูปของสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เช่น บริการ แนวคิดในการดาเนินธุรกิจ กรรมวิธีการผลิตทางอุตสาหกรรม เป็นต้น
 ประเภทของทรัพย์สินทางปัญญา
 โดยทั่ว ๆ ไปคนไทยส่วนมากจะคุ้นเคยกับคาว่า ลิขสิทธิ์และจะใช้เรียกทรัพย์สินทางปัญญาทุกประเภท โดยที่ถูกต้องแล้ว ในทางสากลทรัพย์สินทางปัญญาแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม (Industrial Property) และลิขสิทธิ์ (Copyright)
1 ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม (Industrial Property)
หมายถึง ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่เกี่ยวกับสินค้าอุตสาหกรรมต่าง ๆ ความคิดสร้างสรรค์นี้ อาจเป็นความคิดในการประดิษฐ์คิดค้น ซึ่งอาจจะเป็นกระบวนการหรือเทคนิคในการผลิตที่ได้ปรับปรุงหรือคิดค้นขึ้นใหม่ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ทางอุตสาหกรรมที่เป็นองค์ประกอบและรูปร่างของตัวผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังรวมถึงเครื่องหมายการค้าหรือยี่ห้อ ชื่อและถิ่นที่อยู่ทางการค้า รวมถึงแหล่งกาเนิดและการป้องกันการแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรมจึงสามารถแบ่งออกได้ ดังนี้
1. สิทธิบัตร (Patent)
2. เครื่องหมายการค้า (Trademark)
3. ความลับทางการค้า (Trade Secret)
4. ชื่อทางการค้า (Trade Name)
5. สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications)

 (1.1)  สิทธิบัตร (Patent)
 *หนังสือที่สำคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์คิดค้น (Invention) การออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design) หรือผลิตภัณฑ์อรรถประโยชน์ (Utility)
อาจแยกคำนิยาม สิทธิบัตรได้เป็น 2 ความหมาย ดังนี้
*สิทธิบัตร หมายถึง หนังสือสำคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์คิดค้นหรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ ที่มีลักษณะตามที่กฎหมายกำหนด
*สิทธิบัตร หมายถึง สิทธิพิเศษที่กฎหมายบัญญัติให้เจ้าของสิทธิบัตรมีสิทธิเด็ดขาดหรือ สิทธิแต่เพียงผู้เดียว ในการแสวงหาประโยชน์จากการประดิษฐ์หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ได้รับสิทธิบัตรนั้น
การประดิษฐ์ (Invention)
*การประดิษฐ์ คือ การคิดค้นหรือคิดทำขึ้นเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ หรือกรรมวิธีใหม่ ที่แตกต่างไปจากเดิม
*การประดิษฐ์ที่ขอรับสิทธิบัตรได้
-ต้องเป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ คือ เป็นการประดิษฐ์ที่แตกต่างไปจากเดิม ยังไม่เคยมีใช้หรือแพร่หลายมาก่อนในประเทศ

-สิทธิบัตรการประดิษฐ์มีอายุ 20 ปี นับจากวันยื่นคำขอสิทธิบัตร





การออกแบบผลิตภัณฑ์(Product Design)

*การออกแบบผลิตภัณฑ์ หมายถึง ความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับรูปร่าง ลักษณะภายนอกของผลิตภัณฑ์ ที่แตกต่างไปจากเดิม
*การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ขอรับสิทธิบัตรได้
-ต้องเป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่ออุตสาหกรรมหรือหัตถกรรม
-สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ มีอายุ 10 ปี นับจากวันยื่นคำขอสิทธิบัตร




เครื่องหมายการค้า (Trademark) คือ เครื่องหมายที่ใช้หรือจะใช้กับสินค้าเพื่อแสดงว่าสินค้าที่ใช้เครื่องหมายนั้นแตกต่างกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น  เช่น  มาม่า  บรีส กระทิงแดง เป็นต้น 

 เครื่องหมายบริการ (Service Mark) คือ เครื่องหมายที่ใช้หรือจะใช้กับบริการ เพื่อแสดงว่าบริการที่ใช้เครื่องหมายนั้นแตกต่างกับบริการที่ใช้เครื่องหมายบริการของบุคคลอื่น เช่น การบินไทย ธนาคารกรุงไทย เซเว่น เป็นต้น 


เครื่องหมายรับรอง (Certification Mark) คือ เครื่องหมายที่เจ้าของเครื่องหมายรับรองใช้หรือจะใช้กับสินค้าหรือบริการของบุคคลอื่น เพื่อเป็นการรับรองเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการนั้น เช่น เชลล์ชวนชิม  มอก.  ฮาลาล เป็นต้น


 เครื่องหมายร่วม (Collective Mark) คือ เครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายบริการที่ใช้หรือจะใช้โดยบริษัทหรือรัฐวิสาหกิจในกลุ่มเดียวกัน หรือโดยสมาชิกของสมาคม สหกรณ์ สหภาพ สมาพันธ์ กลุ่มบุคคล หรือองค์กรอื่นใดของรัฐหรือเอกชน เช่น ตราช้างของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จากัด (มหาชน) เป็นต้น


   ( 1.3 ) ความลับทางการค้า (Trade Secret)

            ข้อมูลการค้าซึ่งยังไม่รู้จักกันดดยทั่วไปหรือยังเข้าถึงไม่ได้ในหมุบุคคล ซึ่งโดย
 ปกติแล้วต้องเกี่ยวข้องกับข้อมูลดังกล่าว โดยเป็นข้อมูลดังกล่าว โดยเป็นข้อมูลที่นำไป
 ใช้ประโยชนืทางการค้าเนื้องจากการเป็นคามลับ และเป็นข้อมูลที่เจ้าของหรือผู้มีหน้าที่
 ควบคุมความลับทางการค้าได้ใช้ มาตรการที่เหมาะสมรักษาไว้เป็นความลับ
    '' ข้อมูลทางธุรกิจที่ยังไม่เปิดเผย ''
   -  ในกรณีที่ธุรกิจอาจมีความลับทางส่วนผสมทางการผลิต ก็อาจจดทะเบียนความลับ
      ทางการค้าก็ได้  โดยที่ธุรกิจจะไม่ยอมเปิดเผยสูตรให้ผู้ได เช่น
   -  ความลับในการผลิตเครื่องดื่มยี่ห้อหนึ่ง
   -  ความลับในการผลิตน้ำพริก
 -  ซึ่งผู้อื่นที่มิใช่เจ้าของความลับจะทราบคร่าวๆ เท่านั้นว่าส่วนผสมหลักคือ อะไรแต่ไม่
      ทราบรายละเอียดจริง

1.4 .ชื่อทางการค้า (Trade Name)*ชื่อที่ใช้ในการประกอบกิจการ เช่น ไทยประกันชีวิต ขนมบ้านอัยการ โกดัก ฟูจิ เป็นต้น


      ข้อมูลการค้าซึ่งยังไม่รู้จักกันโดยทั่วไปหรือยังเข้าถึงไม่ได้ในหมู่บุคคล ซึ่งโดยปกติแล้วต้องเกี่ยวข้องกับข้อมูลดังกล่าว โดยเป็นข้อมูลที่นําไปใช้ประโยชน์ทางการค้าเนื่องจากการเป็นความลับ และเป็นข้อมูลที่เจ้าของหรือผู้มีหน้าที่ควบคุมความลับทางการค้าได้ใช้ มาตรการที่เหมาะสมรักษาไว้เป็นความลับ
ข้อมูลทางธุรกิจที่ยังไม่เปิดเผย
ในกรณีที่ธุรกิจอาจมีความลับทางส่วนผสมทางการผลิต ก็อาจจดทะเบียนความลับทางการค้าก็ได้ โดยที่ธุรกิจจะไม่ยอมเปิดเผยสูตรให้ผู้ใด เช่น
 
    - ความลับในการผลิตเครื่องดื่มยี่ห้อหนึ่ง 
    - ความลับในการผลิตน้ําพริก

ซึ่งผู้อื่นที่มิใช้เจ้าของความลับจะทราบคร่าวๆ เท่านั้นว่าส่วนผสมหลักคืออะไรแต่ไม่ทราบรายละเอียดจริง

สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หมายถึง ชื่อ สัญลักษณ์ หรือสิ่งอื่นใดที่ใช้เรียกหรือใช้แทน แทนแหล่งภูมิศาสตร์
นั้นเป็นสินค้าที่มี คุณภาพ ชื่อเสียง หรือคุณลักษณะเฉพาะของแหล่งภูมิศาสตร์ สามารถบ่งบอกว่าสินค้าที่เกิดจากแหล่งภูมิศาสตร์นั้น เช่น มีดอรัญญิก ส้มบางมด ผ้าไหมไทย แชมเปญ เป็นต้น

ลิขสิทธิ์ (Copyright) เป็นผลงานที่เกิดจากการใช้สติปัญญา ความรู้ความสามารถ และความวิริยะอุตสาหะในการสร้างสรรค์งานให้เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็น "ทรัพย์สินทางปัญญา" ประเภทหนึ่งที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ ลิขสิทธิ์เป็นทรัพย์สินประเภทที่สามารถซื้อขาย หรือโอนสิทธิกันได้ทั้งทางมรดก หรือ โดยวิธีอื่นๆ การโอนลิขสิทธิ์ควรที่จะทําเป็นลายลักษณ์อักษรหรือทําเป็นสัญญาให้ชัดเจน จะโอนสิทธิทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนก็ได้ 


งานสร้างสรรค์ที่มีลิขสิทธิ์
 
งานวรรณกรรม เช่น หนังสือ จุลสาร สิ่งเขียน สิ่งพิมพ์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์

งานนาฏกรรม เช่น งานเกี่ยวกับการรํา การเต้น การทําท่า หรือ การแสดงที่ประกอบขึ้นเป็น เรื่องราว การแสดงโดยวิธีใบ้ 

งานศิลปกรรม เช่น งานทางด้านจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์สถาปัตยกรรม ภาพถ่าย ภาพ ประกอบแผนที่ โครงสร้าง ศิลปประยุกต์และรวมทั้งภาพถ่าย และแผนผังของงานดังกล่าวด้วย 

งานดนตรีกรรม เช่น เนื้อร้อง ทํานอง และรวมถึงโน๊ตเพลงที่ได้แยกและเรียบเรียงเสียงประสาน

สิ่งที่ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์

ข่าวประจําวัน และข้อเท็จจริงต่างๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร 

รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย 

ประกาศ คําสั่ง ระเบียบ คําชี้แจง ของหน่วยงานรัฐหรือท้องถิ่น 

คําพิพากษา คําสั่ง คําวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ 

คําแปล และการรวบรวมสิ่งต่างๆ ข้างต้น ที่หน่วยงานของรัฐหรือท้องถิ่นจัดทําขึ้น

การได้มาซึ่งลิขสิทธิ์

สิทธิในลิขสิทธิ์จะเกิดขึ้นโดยทันทีนับตั้งแต่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างผลงานโดยไม่ต้องจดทะเบียน ซึ่งมีลักษณะการได้มา ดังนี้

คุ้มครองทันทีที่ได้มีการสร้างสรรค์งานนั้น

กรณีที่ยังไม่ได้มีการโฆษณางาน ผู้สร้างสรรค์ต้องเป็นผูมีสัญชาติไทยหรือมีสัญชาติ
ในประเทศที่เป็ภาคีแห่งอนุสัญญาภาคีอยู่ด้วย

กรณีที่มีการโฆษณางานแล้ว ต้องเป็นการโฆษณาครั้งแรกได้ทําขึ้นในราชอาณาจักรหรือในประเทศที่เป็นภาคีฯ

กรณีที่ผู้สร้างสรรค์เป็นนิติบุคคล ต้องเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย

สิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์
เจ้าของลิขสิทธิ์ย่อมมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะกระทําการใดๆ ต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของตน ดังต่อไปนี้
มีสิทธิ์ในการทําซ้ํา ดัดแปลง จําหน่าย ให้เช่า คัดลอก เลียนแบบทําสําเนา

การทําให้ปรากฏต้อสาธารณชนหรืออนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิของตน โดยมีหรือไม่มีค่าตอบแทนก็ได้

อายุการคุ้มครองลิขสิทธิ์


งานทั่วๆ ไป ลิขสิทธิ์จะมีตลอดอายุผู้สรางสรรค์และจะมีต่อไปอีก 50 ปี นับแต่ผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตาย กรณีเป็นนิติบุคคล ลิขสิทธิ์จะมีอยู่ 50 ปี นับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น

งานภาพถ่าย โสตทัศนวัสดุ ภาพยนต์ หรืองานแพร่เสียง แพร่ภาพ ลิขสิทธิ์มีอยู่ 50 ปี นับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น 

กรณีได้มีการโฆษณางานเหล่านั้น ในระหว่างระยะเวลาดังกล่าวให้ลิขสิทธิ์มีอยู่ต่อไปอีก 50 ปี นับแต่โฆษณาครั้งแรก ยกเว้นในกรณีศิลปประยุกต์ให้มีลิขสิทธิ์อยู่ต่อไปอีก 25 ปี นับแต่โฆษณาครั้งแรก 

ผลภายหลังลิขสิทธิ์หมดอายุ งานนั้นตกเป็นสมบัติของสาธารณะ บุคคลใดๆ สามารถใช้งานนั้นๆ ได้โดยไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์


รูปแบบการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

การปลอมแปลง เป็นการผลิตที่มีการใช้วัสดุ รูปลักษณ์ ตราสินค้าที่เหมือนกับของเจ้าของทุกประการโดยที่ผู้ซื้ออาจแยกไม่ออกว่าเป็นของจริงหรือไม่ ดังที่เราพบเห็นกันในท้องตลาด เช่น การปลอมนาฬิกาโรเล็กซ์ เสื้อโปโล กระเป๋าหลุยส์ วิตตอง, สินค้าของ Dior เป็นต้น


การลอกเลียนแบบ โดยที่ตัวสินค้ามีรูปร่างหน้าตาเหมือนสินค้าของเจ้าของผู้ผลิตแต่มีการปรับเครื่องหมายการค้าเล็กน้อย เช่น PRADA เป็น PRADO , Sony เป็น Somy เป็นต้น
การลักลอบผลิต คือ การลักลอบผลิต เทปผี ซีดีเถื่อน ซึ่งเราได้พบเห็นข่าวการลักลอบผลิตอยู่เป็นประจํา เช่น ซีดีภาพยนตร์เรื่องต้มยํากุ้งที่เคยเป็นข่าวมาแล้ว 

สําหรับการละเมิดลิขสิทธิ์โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ทางด้านซอฟตแวร์ (Software Piracy)

บทที่ 5 เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

กฎหมาย และ จริยธรรมสำหรับวิชาชีพคอมพิวเตอร์

นางสาว ทัศน์วรรณ เจริญสุข  รหัส 5512317038 มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช

 บทที่ 5  เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

• ในหลายประเทศได้มีการกําหนดกฎหมายคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการแสดง

   ความคิดเห็นของประชาชนไว้อย่างชัดเจน ดังนั้นประชาชนจึงสามารถ

   แสดงออกทางความคิดในลักษณะต่างๆได้อย่างอิสระ 

• การคุ้มครองในบางประเทศก็มีลักษณะแบบสมบูรณ์
เสรีภาพไม่ว่ากรณีใด 

• แต่ในบางประเทศ เช่น ประเทศไทย จะมีข้อยกเว้นว่าสามารถจํากัดเสรีภาพได้โดยใช้
 อํานาจของกฎหมาย

• แต่ยังมีบางประเทศ เช่น ประเทศจีน ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในแง่ของการจํากัด

  เสรีภาพในการแสดงออกทางความคิดเห็นของประชาชน 
คือ ไม่มีการลิดรอนหรือข้อจํากัด




กฎหมายคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

• กฎหมายคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคล ใน

   รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 หมวดที่ 3 “สิทธิและ

   เสรีภาพของชนชาวไทย” สงวนที่ 7 “สิทธิและเสรีภาพในการแสดงความ

   คิดเห็นของบุคคลและสื่อมวลชน” มีดังนี้

มาตรา 45  บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการเเสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน
การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น

มาตรา 46  พนักงานหรือลูกจ้างของเอกชนที่ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์วิทยุกระจายเสียง
 วิทยุโทรทัศน์ หรือสื่อมวลชนอื่น ย่อมมีเสรีภาพในการเสนอข่าวและเเสดงความคิดภาย
ใต้ข้อจำกัดตามรัฐธรรมนูญ

มาตรา 47 คลื่นความถี่ที่ใช้ในการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และโทรคมนาคม เป็นทรัพยากรสื่อสารของชาติเพื่อประโยชน์

มาตรา 48 ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะเป็นเจ้าของกิจการหรือถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ หรือโทรคมนาคมมิได้ ไม่ว่าในนามของตนเองหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของกิจการหรือถือหุ้นแทนหรือดำเนินการโดยวิธีอื่นไม่ว่าด้วยทางตรงหรือทางอ้อมที่สามารถบริหารกิจการดังกล่าวได้ในทำนองเดียวกันกับการเป็นเจ้าของกิจการหรือถือหุ้นในกิจการดังกล่าว

ความคิดเห็นที่กฏหมายไม่คุ้มครอง

1.  คำลามกอนาจาร
2.  คำใส่ร้ายป้ายสี
3.  คำยั่วยุให้เกิดความกลัว
4.  คำยั่วยุให้มีการก่ออาชญากรรม
5. คำดูถูกเหยียดหยาม
6.  คำปลุกปั่นก่อให้เกิดความไม่สงบ


ประเด็นด้านเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
การปกปิดชื่อจริง  การแสดงความคิดเห็นโดยไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพประการหนึ่งที่พึงมี การปกปิดตัวตนที่แท้จริงได้ ทำให้เกิดการใช้สิทธิและเสรีภาพในด้านนี้เกินขอบเขต ขาดจริยธรรม หรือขาดความรับผิดชอบต่อสังคม อีกทั้งยังเป็นเครื่องหมายในการกระทำผิดกฎหมายในรูปแบบต่างๆอีกด้วย
การส่งอีเมล์นิรนาม  เป็นโปรแกรมที่จะทำการปลดที่อยู่อีเมล์จริงของผู้ส่งออก แล้วแทนที่ด้วยที่อยู่นิรนาม ที่อยุ่ปลอม หรือไม่มีที่อยู่ผู้ส่งไปยังผู้รับ การใช้ระบบส่งอีเมล์นิรนามในทางที่ผิด ก่อให้เกิดความเดือดร้อนได้
การแสดงข้อความหมิ่นประมาท  เป็นการใส่ความผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เกียรติยศ และได้รับความเดือดร้อนโดยไม่มีหลักฐานยืนยัน การเเสดงความคิดเห็นใดๆ ก็พึงระวังให้การแสดงความเห็นไปโดยขอบตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองซึ่งให้การรับรองและคุ้มครองไว้ในฐานะสิทธิขั้นพื้นฐาน
การโพสต์แสดงความคิดเห็นพาดพิงถึงบุคคลอื่นบนเว็บไซต์โดยไม่ระวัง  อาจทำให้ได้รับความเดือดร้อนโดยไม่รู้ตัว อาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยไม่ทันตั้งตัวเนื่องจากโพสต์แสดงความคิดเห็นในลักษณะนี้ เช่น นาง ข ด่าผู้อื่นว่ารับสินบน รับส่วยใต้โต๊ะ ประพฤติตนไม่สุจริต เป็นต้น
ความคิดเห็นที่กฏหมายไม่คุ้มครอง






กฎหมาย และ จริยธรรมสำหรับวิชาชีพคอมพิวเตอร์

กฎหมาย และ จริยธรรมสำหรับวิชาชีพคอมพิวเตอร์

นางสาว ทัศน์วรรณ เจริญสุข  รหัส 5512317038 มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช

 บทที่ 5  เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

• ในหลายประเทศได้มีการกําหนดกฎหมายคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการแสดง

   ความคิดเห็นของประชาชนไว้อย่างชัดเจน ดังนั้นประชาชนจึงสามารถ

   แสดงออกทางความคิดในลักษณะต่างๆได้อย่างอิสระ 

• การคุ้มครองในบางประเทศก็มีลักษณะแบบสมบูรณ์

เสรีภาพไม่ว่ากรณีใด 

• แต่ในบางประเทศ เช่น ประเทศไทย จะมีข้อยกเว้นว่าสามารถจํากัดเสรีภาพได้โดยใช้

  อํานาจของกฎหมาย

• แต่ยังมีบางประเทศ เช่น ประเทศจีน ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในแง่ของการจํากัด

  เสรีภาพในการแสดงออกทางความคิดเห็นของประชาชน 

คือ ไม่มีการลิดรอนหรือข้อจํากัด



















กฎหมายคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

• กฎหมายคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคล ใน

   รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 หมวดที่ 3 “สิทธิและ

   เสรีภาพของชนชาวไทย” สงวนที่ 7 “สิทธิและเสรีภาพในการแสดงความ

   คิดเห็นของบุคคลและสื่อมวลชน” มีดังนี้



• มาตรา 45 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การ


   เขียน การพิมพการโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น









มาตรา 46 พนักงานหรือลูกจ้างของเอกชนที่ประกอบกิจการหนังสือพิมพ

   วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศนเสนอข่าวและแสดงความคิดเห็น


























   ภายใต้ข้อจํากัดตาม รัฐธรรมนูญ
















หรือสื่อมวลชนอื่น ย่อมมีเสรีภาพในการ








































• มาตรา 47 คลื่นความถี่ที่ใช้ในการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน


   โทรคมนาคม เป็นทรัพยากรสื่อสารของชาติเพื่อประโยชน์
















































































































































• มาตรา 48 ผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองจะเป็นเจ้าของกิจการหรือถือหุ้น

  ในกิจการหนังสือ พิมพ

































































































































































มิได้ไม่ว่าในนามของตนเองหรือให้ผู้อื่นเป็นเจ้า





















































































































































































   ของกิจการหรือถือหุ้นแทน 














































































































































































หรือจะดําเนินการโดยวิธีการอื่นไม่ว่าโดย




































































   ทางตรงหรือทางอ้อมที่สามารถ


































































































































































บริหาร กิจการดังกล่าวได้ในทํานอง




































































    เดียวกับการเป็นเจ้าของกิจการหรือถือ 


































































































































































หุ้นในกิจการ ดังกล่าว































































































































































































































































































ความคิดเห็นที่กฎหมายไม่คุ้มครอง







































































































1. คําลามกอนาจาร

2. คําใส่ร้ายป้ายสี

3. คํายั่วยุให้เกิดความกลัว

4. คํายั่วยุให้มีการก่ออาชญากรรม                                                              





































































































5. คําดูถูกเหยียดหยาม

6. คําปลุกปั้นก่อให้เกิดความไม่สงบ  






ความผิด ฐานหมิ่นประมาทได้ ผู้โพส
ดําเนินคดีทางศาล และถูกตัดสินให้ต้อง
รับผิดตามการพิจารณาของศาลได้

ข้อความละเมิดผู้อื่นบนเว็บไซต















































สามารถเข้าข่ายมี
















































จึงอาจเสี่ยงที่จะถูกฟ้องร้อง















Blogger Templates