วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558


บทที่ 3 อาชญากรรมคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต



• เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายโดยอาศัยคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ หรือกระทำที่ผิดกฎหมายที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ระบบคอมพิวเตอร์

• คอมพิวเตอร์นั้นสามารถเป็นได้ทั้งเครื่องมือในการกระทำผิดกฎหมาย และเป็นเป้าหมายในการทำลายได้เช่นเดียวกัน เช่น การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อลักลอบข้อมูลของบริษัทหรือการที่แฮคเกอร์(Hacker) ถอดรหัสรักษาความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร เพื่อเข้าทำลายหรือขโมยข้อมูลของระบบ เป็นต้น

• ผู้ใดกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์และผู้เสียหายมีการฟ้องร้องให้ดำเนินคดีซึ่งอาจสอบสวนและมีหลักฐานพอที่จะเอาผิดได้ ผู้นั้นจะต้องรับโทษตาม“พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับ
คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550”

• นอกจากการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่สร้างความเสียหายให้กับผู้อื่นแล้ว ยังมีการกระทำอีกประเภทหนึ่ง ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นด้วย แต่อาจไม่ใช่การกระทำ ผิดทางกฎหมาย นั้นคือ “การใช้คอมพิวเตอรในทางที่ผิด”




 การใช้คอมพิวเตอร์ในทางที่ผิด (Computer Abuse)



• เป็นการกระทำผิดต่อจริยธรรม ศีลธรรม หรือจรรยาบรรณ โดยการกระทำดังกล่าวอาจไม่ผิดกฎหมายก็ได้ แต่อาจสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น  เช่น การส่งอีเมลแบบ Spam ซึ่งเป็นการรบกวนผู้ที่ได้รับอีเมล
ดังกล่าว เป็นต้น



สาเหตุเพิ่มจำนวนของอาชญากรรมคอมพิวเตอร์


• เทคโนโลยีมีความซับซ่อนมากขึ้น เทคโนโลยีสารสนเทศด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบเครือข่าย, เว็บไซต์, โครงสร้างคอมพิวเตอร์ตลอดจนระบบปฎิบัติการและแอปพลิเคชั่นต่างๆ ในปัจจุบันมีการทำงานที่ซับซ่อนมากขึ้น จุดเชื่อมต่อที่โยงในเครือข่ายของหลายองค์กรเข้าด้วยกันมีมากขึ้น
เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้โจมตีมีโอกาสเข้าถึงเครือข่ายผ่านจุดเชื่อมโยงเหล่านั้นได้มากขึ้น เช่นกัน


• ความคาดหวังของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่มากขึ้น คือคาดหวังว่าคอมพิวเตอร์จะทำงานได้อย่างรวดเร็วตามที่ผู้ใช้ต้องการเนื่องจากหากคอมพิวเตอร์ทำงานได้รวดเร็วเท่าใด ย่อมหมายถึงผู้ใช้ที่มากขึ้น ย่อมส่งผลให้ฝ่าย Computer Help Desk ต้องคอยรับสายผู้ใช้ที่เกิดปัญหาเป็นจำนวนมากขึ้นเช่นกัน ในบางครั้งฝ่าย Help Desk จึงอาจละเลยการตรวจสอบว่าผู้ใช้เป็นพนักงานจริงหรือเป็นมิจฉาชีพที่แฝงตัวมา


• การขยายตัวและการเปลี่ยนแปลงของระบบคอมพิวเตอรการเปลี่ยนแปลงจากระบบ Stand-alone ไปเป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นระบบที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในโลกนี้เชื่อมต่อกันได้ สามารถแบ่งปันข้อมูล/สารสนเทศซึ่งกันและกันได้ ธุรกิจเริ่มทำการค้าผ่านเว็บไซต์ที่เรียกว่า “E-commerce” อีกทั้งผู้คนทั่วไปยังสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้จากโทรศัพท์มือถือ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นผลให้องค์กรมีความเสี่ยงต่อการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามในรูปแบบใหม่อยู่เสมอ



ประเภทของอาชญากรรมคอมพิวเตอร์





• อาชญากรนำเอาการสื่อสารผ่านทางคอมพิวเตอร์มาขยายความสามารถในการกระทำความผิดของตน

• การละเมิดลิขสิทธิ์ การปลอมแปลง ไม่ว่าจะเป็นการปลอมแปลงเช็ค การปลอมแปลงรูป เสียง หรือการปลอมแปลงสื่อทางคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่ามัลติมีเดีย หรือรวมทั้งการปลอมแปลงโปรแกรมคอมพิวเตอร์

• การฟอกเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งใช้อุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์และการสื่อสารเป็นเครื่องมือทำให้สามารถกลบเกลื่อนอำพรางตัวตนของผู้กระทำความผิดได้ง่ายขึ้น

• การค้าขายหรือชวนลงทุนโดยหลอกลวงผ่านทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์

• การเข้าแทรกแซงข้อมูลและนำเอาข้อมูลเหล่านั้นมาเป็นประโยชน์ต่อตนโดยมิชอบ




                    ปัญหาที่เกี่ยวกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์




• ปัญหาเรื่องความยากที่จะตรวจสอบว่าจะเกิดเมื่อไร ที่ไหน อย่างไร ทำให้ยากที่จะป้องกัน


• ปัญหาในเรื่องการพิสูจน์การกระทำความผิด และการตามรอยของความผิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งความผิดที่เกิดขึ้นโดยผ่านอินเทอร์เน็ต

• ปัญหาการรับฟังพยานหลักฐาน ซึ่งจะมีลักษณะที่แตกต่างไปจากหลักฐานในอาชญากรรมธรรมดาอย่างสิ้นเชิง

• ความยากลำบากในการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมเหล่านี้มักเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ

• ปัญหาความไม่รู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ของเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรม

• ปัญหาการขาดกฎหมายที่เหมาะสมในการบังคับใช้ กฎหมายแต่ละฉบับบัญญัติมานาน 40-50 ปี

• ปัญหาความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมากจนทางราชการตามไม่ทัน


                                                   แนวทางการแก้ไข


• ควรมีการวางแนวทางและกฎเกณฑ์ในการรวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินคดีอาชญากรรมคอมพิวเตอร์

• ให้มีคณะทำงานในคดีอาชญากรรมคอมพิวเตอร์พนักงานสอบสวนและอัยการอาจมีความรู้ความชำนาญด้านอาชญากรรมคอมพิวเตอร์น้อย

• จัดตั้งหน่วยงานเกี่ยวกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์

• บัญญัติกฎหมายเฉพาะเกี่ยวกับ


อาชญากรรมคอมพิวเตอร์หรือแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่มีอยู่ให้ครอบคลุมอาชญากรรมคอมพิวเตอร์

• ส่งเสริมความร่วมมือกับต่างประเทศทั้งโดยสนธิสัญญาเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างประเทศทางอาญา

• เผยแพร่ความรู้เรื่องอาชญากรรมคอมพิวเตอร์แก้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์หน่วยงาน องคกรต่างๆ ให้เข้าใจแนวคิด วิธีการของอาชญากรทางคอมพิวเตอร์

• ส่งเสริมจริยธรรมในการใช้คอมพิวเตอร์



มารยาทในการใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ต





• ไม่ใช้เครือข่ายเพื่อการทำร้ายหรือรบกวนผู้อื่น

• ไม่ใช่เครือข่ายเพื่อการทำผิดกฎหมาย หรือผิดศีลธรรม

• ไม่ใช่บัญชีอินเทอร์เน็ตของผู้อื่น และไม่ใช้เครือข่ายที่ไม่ได้รับอนุญาต

• ไม่คัดลอกโปรแกรม รูปภาพ หรือสิ่งใดบนอินเทอร์เน็ตมาใช้ โดยมิได้ขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์

• ไม่ฝ่าฝืนกฎระเบียบของหน่วยงานหรือบริษัทที่ท่านใช้บริการอินเทอร์เน็ต






การหลีกเลี่ยงและรับมือกับภัยออนไลน์





• หลีกเลี่ยงการระบุชื่อจริง เพศ หรืออายุ เมื่อใช้บริการบนอินเทอรเน็ต

• หลีกเลี่ยงการส่งข้อมูลส่วนตัว ภาพถ่ายของตนเองหรือบุคคลในครอบครัวทางอินเทอร์เน็ต

• หลีกเลี่ยงการโต้ตอบกับบุคคลหรือข้อความที่ทำให้รู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ

• หลีกเลี่ยงการสนทนาหรือนัดหมายกับคนแปลกหน้า คนแปลกหน้า

• หลีกเลี่ยงการสั่งซื้อสินค้าหรือสมัครสมาชิกโดยมิได้อ่านเงื่อนไขให้ละเอียดเสียก่อน

• ไม่คัดลอกโปรแกรม ข้อมูล รูปภาพ หรือสิ่งใดจากอินเทอร์เน็ต โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ และไม่ได้ผ่านการตรวจสอบไวรัสคอมพิวเตอร์



ความรู้ที่ได้จากคลิปจอมโจรในโลกไซเบอร์


  

  จากการที่ผมได้ดูคลิป จอมโจรในโลกโซเซี่ยล การใช้โซเซี่ยลในปัจจุบันถือว่ามีความเสี่ยงมาก เพราะในโลกโซเซี่ยล

เราสามารถค้นหาหรือประวัติของใครก็ได้ผ่านทางโซเซี่ยล ในยุคสังคมปัจุจุบันมีทั้งคนดีและคนไม่ดีที่คิดจะทำร้ายเรา

ทางด้านโซเซี่ยล ตามตัวอย่างในคลิป คือเด็กน้อยคนนั้นได้สมัครเกมส์ผ่านเว็บไซต์ต่างๆและต้องกรอก ชื่อ-สกุล ที่อยู่ 

อายุ เลขที่บัญชี รหัสผ่านบัตรเครดิตหรือไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่ทำให้พวกเขาเข้ามายังระบบของเราได้ อาชญากรรม

ทางโลกโซเซี่ยลเดียวนี้มีหลายรูปแบบเราต้องระวังเอาไว้เป็นอย่างมาก เช่น ล่อลวงไปข่มขืน,หลอกให้โอนเงินเข้าบัญชี

ธนาคาร เหตุการณ์ตามในคลิปเป็นอาชญากรรมทางด้านการล้วงลับข้อมูลและขโมยเงินของเด็กน้อยคนนั้นไปแต่

ประเภทของโจรในโลกโซเซี่ยลก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดีมีอยู่ 2 ประเภท คือ


               (1)White Hat Hacker คือ เป็นกลุ่มคนที่คอยสอดส่องดูแลไม่ให้ใครเข้ามาล้วงความลับของเราหรือองค์กรเพื่อ

ความลับของเราหรือองค์กรมีจุดด้อยหรือรั่วอยู่กลุ่มคนพวกนี้ก็จะเจาะระบบของเราเข้าไป เพื่อซ่อมแซมระบบจุดที่ผิด

พลาดขององค์กรหรือบริษัทเพื่อให้ระบบนั้นมีความสมบูรณ์และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

               (2)Black Hat Hacker คือ เป็นกลุ่มคนที่สามารถทำได้ทุกอย่างเท่าเทียมกับ White Hat Hacker แต่กลุ่ม Black Hat 

Hacker จะขาดจริยธรรม คือ จะเข้าไปเจาะระบบของคนอื่นเพื่อทำลายและหาประโยชน์ให้กับตัวเอง โดยที่คนพวกนี้ไม่

สนใจว่าคนอื่นจะเป็นยังไงและเดือดร้อนหรือเปล่า จากคลิปที่ดู คือ พวก Black Hat Hacker เข้าไปเจาะระบบของน้องเขา

เพื่อนำข้อมูลของน้องเขาไปกดเงินออกจากบัญชีแต่อาชญากรรมในโลกโซเซี่ยลมีความเสี่ยงสูงมากเพราะเราไม่สามารถ

ตามจับคนร้ายได้ยากมากและสืบค้นว่าพวกโจรเหล่านี้ Hacker ข้อมูลมาจากไหนและส่วนมากแล้วพวก  cracker เหล่านี้

จะมาใช้บริการตามร้านเกมส์ อินเตอร์เน็ตต่างๆ จึงสามารถสืบได้ยากซึ่งอาชญกรรมทางคอมพิวเตอร์ที่ว่านี้มีความเสี่ยง

และหน้ากลัวสูง ฉะนั้นเราต้องรู้จักรักษาความปลอดภัยของข้อมูลตัวเองด้วย


อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ (Computer Crime)


          อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ หมายถึง     การกระทำผิดทางอาญาในระบบคอมพิวเตอร์ หรือการใช้

คอมพิวเตอร์เพื่อกระทำผิดทางอาญา เช่น ทำลาย เปลี่ยนแปลง หรือขโมยข้อมูลต่าง ๆ เป็นต้น   ระบบ

คอมพิวเตอร์ในที่นี้ หมายรวมถึงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เชื่อมกับระบบดังกล่าวด้วย

สำหรับอาชญากรรมในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (เช่น อินเทอร์เน็ต) อาจเรียกได้อีกอย่างหนึ่ง   คือ

       อาชญากรรมไซเบอร์ อาชญากรที่ก่ออาชญากรรมประเภทนี้ มักถูกเรียกว่า แครกเกอร์อาชญากรรมทาง

คอมพิวเตอร์ คือ



       1.การกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ อันทำให้เหยื่อได้รับความเสียหาย และผู้กระทำได้รับผลประโยชน์ตอบแทน

      2.การกระทำผิดกฎหมายใด ๆ ซึ่งใช้เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือและในการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่เพื่อนำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต้องใช้ความรู้ทางเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Blogger Templates